html templates

AI ช่วยรับมือกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?

AI สร้างความตื้นเต้นให้กับคนทั่วโลกอีกครั้ง ด้วยการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่

 (Large Language Model: LLM)

ซึ่งเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ “ChatGPT” ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้สร้างประโยชน์ได้หลากหลายด้วยความสามารถที่เลียนแบบมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น แต่อีกมุมหนึ่ง AI ก็มีประโยชน์กับการนำไปใช้ด้านรักษาสภาพอากาศและสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงและน่ากังวลมากขึ้น และเกิดขึ้นใกล้ตัวกับเรามากขึ้นไปทุกที บทความนี้จึงนำเสนอการนำ AI กับการนำไปใช้ช่วยงานด้านรักษาสิ่งแวดล้อมในหลายแง่มุม ไปดูกันว่าเทคโนโลยีนี้จะนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณให้เกิดความยั่งยืนอย่างไรได้บ้าง 

ความกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศ
และระดับมลพิษ

สถานการณ์ปัจจุบันผู้คนต่างสนใจเกี่ยวกับปัญหามลพิษที่รุนแรงและกระทบความเป็นอยู่ เกิดใกล้ตัวไปยังบริเวณที่ตนพักอาศัยและพื้นที่ใกล้เคียงมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ โดยทั้งปัญหามลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระจายทั่วโลก มีวิธีเดียวที่สามารถสู้กับปัญหานี้คือความจำเป็นต้องมีโซลูชันระดับโลกโดยปัจจุบันมีทางออกและวิธีการใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืนและแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

ความสามารถของ AI กับการนำไปใช้รับมือปัญหาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนความยั่งยืน

AI มีบทบาทสำคัญช่วยธุรกิจรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนความยั่งยืน โดยทุกวันนี้เราได้เห็นการที่โลกเผชิญกับวิกฤตการณ์รอบโลก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ไปจนถึงปัญหามลภาวะและขยะ ที่สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการขาดข้อมูลที่มากพอ แต่ปัจจุบันเรามีข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศมากขึ้นกว่าในอดีต และการเข้าถึง การทำความเข้าใจและวิธีดำเนินการกับข้อมูลนั้นมีความสำคัญกับการรับมือวิกฤตการณ์เหล่านี้ ซึ่ง “AI” เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่เป็นศูนย์กลางช่วยจัดการกับข้อมูล

ปัจจุบันมีเครื่องตรวจจับสภาพอากาศและฟอกอากาศที่มาพร้อมระบบ AI ในตัวที่สามารถบันทึกคุณภาพอากาศและข้อมูลสิ่งแวดล้อมแบบ Real-Time และนำไปช่วยปรับประสิทธิภาพการกรองอากาศได้ โดยในเขตเมืองยังสามารถส่งคำเตือนไปยังผู้คนในพื้นเกี่ยวกับระดับมลพิษด้วยการจำลองสถานการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจจับแหล่งกำเนิดมลพิษได้เร็วกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากยานพาหนะ เซนเซอร์ข้อมูล และกล้อง สามารถนำไปใช้ช่วยปรับปรุงเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศได้เช่นกัน 

กล่าวคือระบบนี้จะประกอบด้วยมาตรการแก้ไขแบบอัตโนมัติ รวบรวมข้อมูลอัตโนมัติ จนถึงขั้นตอนการตัดสินใจ นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงปัจจัยการผลิตและผลตอบแทนทางการเกษตรตามอุปสงค์และอุปทาน ส่งผลให้มีความทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรของอุตสาหกรรม และลดการใช้น้ำ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง หรือทุกอย่างที่เป็นต้นเหตุของการทำลายระบบนิเวศที่สำคัญ

นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงวิธีการจัดเก็บพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และการบริหารการใช้พลังงาน (Load management) รวมถึงช่วยในการบูรณาการและความน่าเชื่อถือของพลังงานหมุนเวียน และในทางกลับกัน เป็นวิธีสิ่งที่ช่วยให้การกำหนดราคาและการซื้อขายแบบยืดหยุ่น ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในตลาด
ยกตัวอย่างเช่น IBM ที่ได้นำ AI ไปใช้ในการพยากรณ์อากาศให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ส่งผลให้การคาดการณ์มีประสิทธิภาพขึ้น 30% ผลลัพธ์ของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงการจัดการโรงงานที่ดีขึ้น โดยผลลัพธ์ชี้ให้เห็นถึงการจัดการโรงงานที่ดีขึ้น เพิ่มการผลิตพลังงานทดแทนได้สูง และมีการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 

วิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการอนุรักษ์ทรัพยากร คือการใช้หลอดไฟ LED อัจฉริยะ เมื่อเทียบกับการใช้ไฟแบบเดิม ระบบไฟ LED อัจฉริยะให้การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ากว่ามาก และยังมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ซึ่งมีการนำไปใช้กับไฟถนน โดยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่อยู่เบื้องหลังแนวคิดนี้ เรียกว่า “Smart Grid” ที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบสภาวะที่ทำให้แสงมืดลงหรือสว่างขึ้นได้ เป็นระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่จ่ายพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้  

Mobirise
ติดต่อเพิ่มเติม

Email:stu641109@boraiwit.ac.th
Phone: 0801214903

ติดต่อเพิ่มเติม

Email:stu641107@boraiwit.ac.th 
Phone: 0980567646